เทรนด์ Nose-to-Tail ใช้เนื้อสัตว์ทุกส่วน ดีต่อร้าน ดีต่อโลก

สมัยนี้มีเทรนด์บริโภคสาย Eco-Friendly มากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้า ลดการใช้พลาสติก หรือการนำของมาใช้ซ้ำเพื่อให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือร้านอาหารที่ทำตามแคมเปญ Zero Waste ใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อให้เกิดขยะน้อยที่สุด วันนี้เฟรชเก็ตมีเทรนด์รักษ์โลกที่น่าสนใจอีกหนึ่ง
เทรนด์น่ารู้ที่ผู้ประกอบการร้านอาหารสาย Eco ต้องอัปเดต! ซึ่งก็คือเทรนด์การกินแบบ Nose-to-Tail หรือ
กินตั้งแต่จมูกถึงหาง บริโภคเนื้อสัตว์แบบครบทุกส่วน ช่วยลดขยะ ลดฟรุตพรินต์แบบยั่งยืน ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรานั่นเอง 

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าเทรนด์นี้คืออะไร มีข้อดีอะไรบ้าง แล้วทำไมร้านอาหารถึงควรตามเทรนด์นี้เพื่อส่งต่อสิ่งที่ดีต่อผู้บริโภค และต่อสังคม ตามเฟรชเก็ตมาดูกัน   

เทรนด์การกินแบบ Nose-to-Tail คืออะไร

ถ้าให้แปลตรงตัว คือ การกินตั้งแต่จมูกจรดหาง ซึ่งหมายถึงพฤติกรรมการกินเนื้อสัตว์ทุกส่วน โดยไม่ได้กินเพียงแค่เนื้อสัตว์ที่ขายทั่วไปและเป็นที่นิยมอยู่แล้ว เช่น สะโพก อกไก่ หรือปีกไก่เท่านั้น แต่รวมไปถึงเครื่องใน ไขมัน หรือเนื้อสัตว์ส่วนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นที่นิยมด้วย โดยเทรนด์การกินแบบนี้ สามารถช่วยลดขยะได้ เพราะร้านอาหารและผู้บริโภคใช้เนื้อสัตว์ทุกส่วนเพื่อการบริโภคนั่นเอง

ในขณะเดียวกัน เทรนด์การกินประเภทนี้ไม่ได้โฟกัสเพียงแค่การบริโภคแต่เนื้อสัตว์เท่านั้น สำหรับร้านอาหารหรือผู้บริโภคที่เป็นสายวีแกน หรือมังสวิรัติ ก็สามารถกินแบบ Leaf-to-Root ซึ่งก็คือลักษณะการบริโภคตั้งแต่
ใบยันราก หมายถึงการบริโภคผักผลไม้ต่างๆ ครบทุกส่วนไม่ว่าจะ ใบ ผล ดอก ราก ฯลฯ ไม่ต่างจากจากการบริโภคแบบจมูกถึงหางที่กล่าวไปข้างต้น     

Nose-to-Tail ใช้เนื้อสัตว์ทุกส่วน เนื้อหมู ขาหมู ตับหมู หัวใจหมู ทำอาหาร

กินแบบ Nose-to-Tail ดีต่อร้านอาหาร ดีต่อโลก  

ตามเฟรชเก็ตมาดูกันว่าเทรนด์บริโภคจมูกจรดหางมีประโยชน์ต่อร้านอาหาร และโลกของเราอย่างไรบ้าง 

1. การใช้ส่วนต่างๆ ของเนื้อสัตว์ทั้งหมด เป็นการดึงทักษะของเชฟประจำร้านอาหารออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะเนื้อสัตว์ในแต่ละส่วนต้องการการปรุง การผ่านความร้อน หรือแม้กระทั่งการหั่นที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นเชฟจะต้องลับฝีมือในการปรุงอาหารแต่ละจานให้ออกมาเหมาะสมและอร่อยที่สุด   

2. เมื่อร้านอาหารใช้ส่วนต่างๆ ของเนื้อสัตว์ทั้งหมด หมายความว่าร้านอาหารก็จะมีเมนูอาหารหลากหลายมากขึ้น หัวหน้าเชฟ หรือเชฟของแต่ละร้านอาจมีการค้นหาสูตรอาหารใหม่ หรือเครื่องเทศใหม่ๆ ในการปรุงอาหารจานนั้นๆ ให้มีความน่าสนใจ และอร่อยถูกปากผู้บริโภค  

3. สามารถดึงดูดผู้บริโภคที่มีความสนใจลองเมนูใหม่ๆ หรือสนใจเทรนด์การกินแบบครบทุกส่วน เพราะในปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากมีพฤติกรรมในเชิงรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้การกินแบบหัวยันหาง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเหล่านี้ หรือร้านอาหารสามารถทำการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมชอบลองกินอาหารแปลกใหม่ นับว่าเป็นการเจาะ Niche Market หรือขายในตลาดแบบเฉพาะกลุ่มนั่นเอง

4. ช่วยลดต้นทุนให้กับร้าน เพราะร้านอาหารสามารถใช้เนื้อทุกส่วนในการทำอาหารโดยไม่ต้องทิ้งส่วนไหนเลย ถือว่าเป็นการใช้ทรัพยากรของร้านให้เกิดประโยชน์ และคุ้มทุนมากที่สุดอีกด้วย 

5. สนับสนุนพฤติกรรมการบริโภคที่ดีของผู้บริโภค เพราะแต่ละส่วนของสัตว์มีสารอาหารต่างกัน เช่น เครื่องในที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก วิตามินบี ส่วนหนังสัตว์ก็จะอุดมไปด้วยคอลลาเจน และไกลซีนซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ดีต่อร่างกาย หรือไขกระดูกที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ อี บี12 เป็นต้น

6. สนับสนุนพฤติกรรมที่ยั่งยืนและดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะกระบวนการในการผลิตเนื้อสัตว์ให้พวกเราบริโภคกันทุกวันนี้ ได้มีการใช้น้ำ แรงงาน พลังงานไฟฟ้า ฯลฯ และได้ปล่อยคาร์บอนฟุตพรินต์กลับสู่ชั้นบรรยากาศ ฉะนั้นการที่ร้านอาหารและผู้บริโภคใช้เนื้อสัตว์ครบทุกส่วน ไม่เหลือขยะ ถือเป็นการใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มที่สุด จึงดีต่อสิ่งแวดล้อมนั่นเอง  

ร้านอาหารทำตามเทรนด์ Nose-to-Tail มีแต่ได้กับได้ 

ร้านอาหารที่พลิกแพลงเมนูอาหารให้ล้อไปกับเทรนด์การกินทุกส่วนนอกจากจะมีข้อดีอย่างที่เราพูดไปแล้วเมื่อหัวข้อด้านบน ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ในเชิงบวกของแบรนด์ร้านอาหารว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีจิตสำนึก และตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนที่พวกเราทุกคนพยายามจัดการ ทำความเข้าใจ และมีส่วนร่วมเพื่อโลกที่ดีกว่า 

นอกจากนี้ยังส่งเสริมเกษตรกรผู้ทำฟาร์มปศุสัตว์ทั้งรายเล็กรายใหญ่ที่ทางร้านอาหารจะต้องเลือกเนื้อสัตว์ที่ดีที่สุดจากฟาร์ม ที่ไม่เพียงแต่เลือกเนื้อสัตว์ในส่วนที่เป็นที่นิยมเท่านั้น แต่ยังใช้เนื้อสัตว์ส่วนที่ไม่ได้เป็นที่นิยมด้วย เพื่อเป็นการส่งต่อสิ่งที่ดีที่สุดทุกส่วนจากฟาร์ม ถึงมือผู้บริโภค เป็นการเอาใจใส่ทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคไปพร้อมๆ กัน  

ทั้งนี้ร้านอาหารที่มีเมนูหลากหลายก็ยังสามารถดึงดูดผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่ม ทำให้สามารถขยายกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้ส่วนต่างๆ ของเนื้อสัตว์ในการทำอาหารก็ใช้ต้นทุนต่ำ เพราะเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้เป็นที่นิยมนั้นราคาไม่แพง ร้านอาหารสามารถเพิ่มพูนกำไรจากการขายได้ด้วยทักษะและความคิดสร้างสรรค์ของทางร้านในการคิดสูตรหรือเมนูใหม่ๆ ดึงดูดใจลูกค้านั่นเอง

freshket เองก็มีเนื้อสัตว์หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู วัว ไก่ ปลา ฯลฯ และมีเนื้อสัตว์ส่วนต่างๆ จากฟาร์มที่
เชื่อถือได้ ให้ได้เลือกสรรลับฝีมือปรุงให้ถูกใจถูกปากผู้บริโภคในราคาที่เป็นมิตร คุ้มค่า คุ้มราคา โดยเรามีเนื้อสัตว์หลากหลายสเป็ค และมีแบบหั่นพร้อมใช้ พร้อมให้ร้านอาหารนำไปปรุงแบบไม่ต้องเสียเวลาเตรียมให้เหนื่อย  นอกจากนี้ยังมีบริการส่งสินค้าถึงหน้าร้านเพิ่มความสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง และเสียแรงไปเดินตลาดเอง ทำให้มีเวลาในการจัดการร้านอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

หากอยากตามเทรนด์วงการอาหารเจ๋งๆ จากเฟรชเก็ตอีก ตามไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ คลิก

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก:
gffoodservice.com.au
mintel.com
hunterandgatherfoods.com