เกาะกระแสรักษ์โลกกับ COP27 – ชวนร้านอาหาร Eco-Friendly ด้วยกัน

เฟรชเก็ตชวนทุกคนมาเกาะกระแสการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพอากาศครั้งใหญ่ประจำปีอย่าง COP27 ที่กำลังจัดขึ้นที่ประเทศอียิปต์ ซึ่งประเทศไทยเองก็ได้เข้าร่วมหารือกับนานาชาติด้วย แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นการประชุมกันระหว่างตัวแทนจากประเทศทั่วโลก แต่ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมนี้ก็เป็นปัญหาที่ทุกคนกำลังเผชิญ และวางแผนร่วมมือกันเพื่อช่วยรักษาโลกของเราเอาไว้ ซึ่งร้านอาหารเองก็สามารถช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมได้เช่นเดียวกัน

ตามดูจุดมุ่งหมายการรักษ์โลกของ COP27 และกิจกรรมที่ร้านอาหารสายกรีนสามารถทำตามได้เพื่อโลกที่ดีกว่ากับเฟรชเก็ต!

ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับ COP27 กันดีกว่าว่าคืออะไร

COP27 หรือ  the 27th Conference of the Parties to the United Nations Framework Convention on Climate Change คือการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 27 โดยในที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อน ซึ่งขณะนี้กำลังจัดการประชุมตั้งแต่วันที่ 6 – 18 พฤศจิกายน 2022 ที่เมืองชาร์มเอลชีค ประเทศอียิปต์ 

การประชุม COP นี้ถือเป็นการประชุมที่ใหญ่และสำคัญเป็นอย่างมากในการแก้ไขปัญหาสภาพอากาศของโลกของเรา โดยปัจจุบันมี 197 ประเทศที่ร่วมลงนามเข้าร่วมแก้ไขปัญหายิ่งใหญ่นี้ โดยประเทศไทยเองก็ลงนามเข้าร่วมตั้งแต่ปี 1992 มาจนถึงปัจจุบัน  

COP27 ร้านอาหาร eco-friendly

เป้าหมายของ COP27 เพื่อช่วยเหลือโลก

สืบเนื่องจากปีที่แล้ว (COP26)  มีการลงนามเห็นชอบข้อตกลงด้านภูมิอากาศ ที่เรียกว่า ‘Glasgow Climate Pact’ ที่มีการกำหนดเป้าหมาย ทั้งในเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การลดการใช้ถ่านหิน การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศกำลังพัฒนา และการเลิกให้เงินอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล ในปีนี้เองก็จะมีการให้ความสำคัญในการให้เงินอุดหนุนเพื่อรักษาธรรมชาติมากขึ้น

ในสำหรับการประชุมครั้งนี้ มีเป้าหมายในการทำตามข้อตกลง และติดตามความคืบหน้าของแผนดำเนินการ ตามคำมั่นสัญญาในประชุม COP26 เมื่อปีที่แล้ว ที่จะตีพิมพ์แผนการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมาย และให้ประชาคมโลกร่วมมือกันเพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ให้ได้ภายใน ปี 2100 (พ.ศ. 2643) ถือว่าเป็นเป้าหมายที่สำคัญมากเพื่อรักษาโลกของเรา    

เห็นแบบนี้แล้วร้านอาหารอาจมองว่ามันเป็นเรื่องของคนใหญ่คนโตระดับประเทศที่หารือร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหา แต่อย่าลืมว่าการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ทุกคนร่วมมือช่วยกันได้ แค่ช่วยกันคนละไม้คนละมือก็เปลี่ยนสังคมและสิ่งแวดล้อมไปในทางที่ดีกว่าได้แล้ว   

สืบเนื่องจาก COP27 – การช่วยโลกไม่ใช่เรื่องไกลตัว ร้านอาหารก็ร่วมด้วยได้! 

1. Recycle คือพระเอก! บอกลาภาชนะและอุปกรณ์ในร้านที่เป็น Single Use ไปเลย

ทางที่ง่ายที่สุดสำหรับร้านอาหารในการลดก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ คือการ “รีไซเคิล” นั่นเอง ร้านอาหารควรลดขยะให้น้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการ บันทึกและคำนวณปริมาณวัตถุดิบในการเสิร์ฟเพื่อให้เกิด Food Waste น้อยที่สุด หรือการลด ละ เลิก ภาชนะและอุปกรณ์ในร้านที่เป็นแบบใช้แล้วทิ้ง ถ้าหากจำเป็นต้องใช้จริงๆ (เช่น ร้านอาหารที่มีบริการเดลิเวอรี่ เป็นต้น) ให้คิดถึงน้องๆ ภาชนะประเภท Biodegradable ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า เพราะอย่าลืมว่าในปัจจุบันมีผลสำรวจออกมาว่าผู้บริโภคมีความสนใจต่อร้านอาหารรักษ์โลกมากขึ้น หากร้านอาหารเดินทางสายกรีน ก็มีโอกาสที่จะได้รับความไว้วางใจ ความน่าเชื่อถือ และ Loyalty จากผู้บริโภคได้มากขึ้นนั่นเอง          

COP27 ร้านอาหาร eco-friendly

2.คิดจะทำอาหาร คิดถึงแนวทาง Nose-to-Tail 

(ใครยังไม่รู้ว่าการกินแบบ Nose-to-Tail คืออะไร ตามไปอ่านได้ที่นี่) การใช้วัตถุดิบอาหารให้ครบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ผัก หรือ ผลไม้ ในการทำอาหารในเมนูแต่ละจาน ช่วยสนับสนุนพฤติกรรมที่ยั่งยืนและดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะกระบวนการในการผลิตเนื้อสัตว์ให้พวกเราบริโภคกันทุกวันนี้ ได้มีการใช้น้ำ แรงงาน พลังงานไฟฟ้า ฯลฯ และได้ปล่อยคาร์บอนฟุตพรินต์กลับสู่สิ่งแวดล้อมมากมาย ฉะนั้นการที่ร้านอาหารแนะนำ และผลักดันให้ลูกค้าหันมาบริโภคเนื้อสัตว์ครบทุกส่วน ไม่เหลือขยะ ไม่ทิ้งคาร์บอนฟุตพรินต์เพิ่มเติม ถือเป็นการใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มที่สุด และดีต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว 

3. ปรับมาทำอาหารที่มีคาร์บอนฟุตพรินต์น้อย

หลายคนคงสงสัยว่าปริมาณคาร์บอนฟุตพรินต์ขนาดไหนถึงจะเรียกว่ามากหรือน้อย เฟรชเก็ตมีคำตอบมาให้ ถ้าหากอาหารเมนูนั้นๆ ปล่อย 0.1-0.5 CO2e ต่อกิโลกรัม ถือว่ามีคาร์บอนฟุตพรินต์น้อย แต่ถ้าปล่อย 1.6 CO2e ขึ้นไป ต่อกิโลกรัม ถือว่ามีคาร์บอนฟุตพรินต์มาก 

แต่ถึงรู้แบบนี้แล้ว จะรู้ได้ไงว่าเมนูร้านอาหารของเราปล่อยคาร์บอนฟุตพรินต์มากแค่ไหน เรามีเว็บไซต์คำนวณคาร์บอนฟุตพรินต์มาให้ เพียงแค่ใส่วัตถุดิบอาหารเป็นภาษาอังกฤษ และปริมาณ (กรัม) ลงไป แล้วกด Calculate ร้านอาหารก็สามารถรู้แล้วว่าเมนูจานนี้ดีต่อโลกหรือไม่ ทั้งยังสามารถนำไปปรับเป็นไอเดียเมนูใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ให้ถูกใจปากลูกค้า และดีต่อสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน ลองไปคำนวณเล่นๆ กันได้ที่นี่เลย 

หรือร้านอาหารสามารถสร้างกิมมิคเพิ่มโดยการใส่ปริมาณ CO2e ลงข้างชื่อเมนูอาหาร เพื่อเป็นการให้ข้อมูลผู้บริโภค และมอบมื้ออาหารทางเลือกได้ ทั้งนี้ยังเป็นการสร้าง Awareness ให้ผู้บริโภคตระหนักรู้ว่าลักษณะการกินในชีวิตประจำวันส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและโลกได้เหมือนกัน 

4. วัตถุดิบ Plant-Based หรือเมนู Vegan-Friendly ช่วยคุณได้ 

เฟรชเก็ตเข้าใจว่าร้านอาหารบางร้านอาจมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนจากการเสิร์ฟเนื้อสัตว์เป็นเมนูจานหลัก เป็นโปรตีนพืช หรือเสิร์ฟเมนูสำหรับวีแกนแทน แต่! เหตุผลที่น่าสนใจว่าทำไมการเสิร์ฟเมนูที่ทำจากวัตถุดิบ Plant-based หรือเมนูสำหรับชาววีแกนทั้งหลาย ถึงได้ดีต่อโลก คือกระบวนการผลิตวัตถุดิบ Plant-Based หรือ ผัก ถั่ว ฯลฯ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับทำอาหารวีแกนปล่อยก๊าซที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการทำฟาร์มปศุสัตว์ (ฝูงปศุสัตว์ปล่อยก๊าซมีเทนที่เป็นภัยต่อชั้นบรรยากาศของโลกเรา) ไม่พอยังมีวิจัยกล่าวว่า 57% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาจากกระบวนการผลิตอาหารจำพวก เนื้อสัตว์ หรือ ผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม ในขณะที่กระบวนการผลิตอาหารที่เป็นโปรตีนทางเลือกจากพืช กลับปล่อยก๊าซเรือนกระจำเพียงแค่ 29% เท่านั้น 

เฟรชเก็ตยังมีตัวอย่างที่น่าตกใจสำหรับขวัญใจแฮมเบอร์เกอร์ รู้หรือเปล่าว่าเนื้อวัว 75 กรัม (ขนาดปกติที่เสิร์ฟในเบอร์เกอร์ทั่วไป) หากกิน 1 ชิ้น ทุกวันใน 1 ปี เท่ากับว่าเราปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับรถเก๋งที่วิ่งมาแล้ว 11,580.8 กิโลเมตรแน่ะ! ซึ่งระยะทางจากเชียงรายไปยะลายังแค่ 1,856.8 กิโลเมตรเท่านั้น แต่ถ้าเรากินถั่ว 150 กรัม ทุกวันใน 1 ปี แค่เท่ากับรถเก๋งที่วิ่งเพียงแค่ 149.6 กิโลเมตรเอง 

เห็นแบบนี้แล้ว อยากชักชวนให้ร้านอาหารสนับสนุนการกินให้ผู้บริโภคแบบรักษ์โลกมากขึ้น เพราะจริงๆ แล้วร้านอาหารเองก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อพฤติกรรมการบริโภค หากสามารถผลักดันให้ทุกคนมีจิตสำนึกถึงสิ่งแวดล้อม ก็จะเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยดูแลรักษาสภาพแวดล้อมและโลกของเราได้เหมือนกัน 

การประชุม COP27 ที่กำลังเกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่านานประเทศกำลังร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านสภาพอากาศอยู่ แต่เฟรชเก็ตก็ไม่อยากให้ร้านอาหารมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะเราสามารถเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยโลกและสิ่งแวดล้อมของเราได้ เฟรชเก็ตขอเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนให้ทุกร้านอาหารเดินทางสายกรีนไปด้วยกัน!

หากอยากตามเทรนด์วงการอาหารเจ๋งๆ จากเฟรชเก็ตอีก ตามไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ คลิก

ขอขอบคุณแหล่งที่มาจาก:
Nature.org
news.un.org
pcrm.org
plus.thairath.co.th
washingtonpost.com