เคล็ดลับคู่ครัว เก็บผักให้สด ไม่ใช้ตู้เย็น

ตู้เย็นไม่ใช่เซฟโซนของผักสดเสมอไป ผักบางชนิดไม่จำเป็นต้องเอาเข้าตู้ก็ได้ แถมเก็บไว้ข้างนอกยังช่วยคงความสดได้นานกว่าด้วย วันนี้ freshket มาแชร์เคล็ดลับง่ายๆ ในการ เก็บผักให้สด ไม่ใช้ตู้เย็น หรือเก็บผักให้สดนานนานด้วยอุปกรณ์ในครัวที่ไม่ว่าจะบ้านไหน หรือร้านอะไรก็ต้องมีติดครัว ช่วยประหยัดพื้นที่ตู้เย็นไปได้เยอะ แถมผักยังสดใหม่พร้อมเสิร์ฟลงจานอีกด้วย

เก็บผักให้สด ไม่ใช้ตู้เย็น

รู้หรือไม่ว่าการเก็บผักบางชนิดไว้ในตู้เย็น ยิ่งทำให้เหี่ยวเฉาและเน่าเสียง่ายกว่าเดิมซะอีก ฉะนั้นถ้าร้านอาหารรู้จักประเภทของผักที่ต้องเก็บนอกตู้ และวิธีจัดเก็บที่ถูกต้อง ก็สามารถจัดระเบียบพื้นที่ใช้สอยในครัวได้คุ้มที่สุด ที่สำคัญยังช่วยยืดอายุความสด คงความเฟรชของผัก และลด Food Waste ที่ไม่จำเป็น ลดต้นทุนในการซื้อของสด ทำให้คาดการณ์วันที่ต้องสั่งตุนวัตถุดิบเพิ่มได้ แถมยังทำตารางเตรียมสต็อกของสดที่เพิ่งสั่งใหม่ได้ง่ายขึ้นด้วย! เพราะการเก็บผักให้ถูกวิธีมันดีต่อใจ freshket เลยไม่พลาดมาแชร์ความรู้เรื่องผักๆ อย่างปัจจัยที่ต้องรู้เมื่อเก็บผักสด และร้านอาหารควรเก็บผักนอกตู้เย็นยังไงให้คงความสดและคุณภาพดีเหมือนเดิม จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

ปัจจัยที่ต้องรู้เมื่อเก็บผักสด

ใครๆ ก็อยากคงความสดและคุณภาพของผักเอาไว้ให้เหมือนครั้งแรกที่เพิ่งหยิบจากแผง freshket เข้าใจความรู้สึกนี้ดี! เลยอยากมาแชร์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสดของผัก จะได้เอาไปจัดสต็อกผักสดใหม่ๆ ให้ดีขึ้น

อุณหภูมิ

ผักที่เราบริโภคกันอยู่ทุกวันนี้มีหลากหลายชนิด แล้วก็มีวิธีการเก็บในอุณหภูมิที่แตกต่างกันไป อย่างผักบางชนิดจะคงสภาพได้ดีเมื่ออยู่ในอุณหภูมิประมาณ 8- 10℃ ซึ่งก็คืออุณหภูมิของช่องเก็บผัก ในตู้เย็นที่เรามีกันอยู่แล้ว เช่น กระเจี๊ยบเขียว มะเขือม่วง เป็นต้น

แต่ว่า! ถ้าเราเก็บผักบางชนิดไว้ในอุณหภูมิต่ำกว่านี้ ก็อาจทำให้สูญเสียวิตามินแร่ธาตุที่สำคัญ และยังส่งผลต่อรสชาติ และเนื้อสัมผัสอีกด้วย

ก๊าซเอทิลีน

ก๊าซเอทิลีนเป็นก๊าซชนิดหนึ่งที่ปล่อยจากผักผลไม้บางชนิด ซึ่งทำให้ผักผลไม้ที่อยู่ใกล้ๆ สุกไวขึ้น! อาจส่งผลเสียให้ร้านอาหารเพราะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น จากการทิ้ง และสต็อกผักผลไม้สดใหม่บ่อยๆ

ผักที่ผลิตก๊าซเอทีลินที่เรารู้จักก็คือผักจำพวกพริก ซึ่งไม่ควรเก็บใกล้กับผัก เช่น บล็อกโคลี่ แตงกวา ผักกาดหอม เป็นต้น ซึ่งเป็นผักที่ไวต่อก๊าซเอทีลีน ไม่งั้นจะทำให้ผักพวกนี้สุกเร็วนั่นเอง

การไหลผ่านของอากาศ

หากเราเก็บ ผักไว้ในที่ที่มีการไหลผ่านของอากาศต่ำ เช่น เก็บไว้ในถุงพลาสติกที่ไม่มีอากาศถ่ายเทเลย จะยิ่งทำให้ผักเน่าเสียเร็วขึ้น รวมถึงทำให้ผักเหี่ยว ดูไม่น่ากิน และยังสอดคล้องกับปัจจัยด้านบนอีก เพราะถ้าเราเก็บผักในที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท และรวมไว้กับผักที่ปล่อยก๊าซเอทีลีน ก็ยิ่งทำให้ผักสุกไวเกินไปและใช้ไม่ทันได้

เรามาดูกันว่าผักอะไรบ้างที่ไม่ควรเก็บในตู้เย็น

– หอมหัวใหญ่

– หอมแดง

– กระเทียม

– ฟักทอง

– มันฝรั่ง

– ใบกะเพรา หรือใบโหระพา

วิธีการเก็บผักให้สด ไม่ใช้ตู้เย็น มีอะไรบ้าง มาลองดูกัน

อย่างที่เรารู้กันแล้วว่าผักบางชนิดก็ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องจะดีกว่า เพราะการเก็บไว้ในตู้เย็นยิ่งทำให้ผักนั้นๆ สูญเสียความชุ่มชื้น สารต้านอนุมูลอิสระในผักลดลง และทำให้รสชาติไม่อร่อยอีกด้วย วันนี้ freshket ขอจำแนกผักออกเป็น 3 หมวดใหญ่ๆ ตามการกิน ให้เข้าใจง่าย พร้อมวิธีเก็บผักโดยใช้อุปกรณ์ที่หาได้ในครัว

ผักที่บริโภคส่วนลำต้น

เช่น มันฝรั่ง – ห้ามเก็บในที่เย็นเด็ดขาด เพราะความเย็นเปลี่ยนสารเคมีในมันฝรั่ง เกิดเป็นสารก่อมะเร็งได้ด้วย อากาศถ่ายเทเป็นปัจจัยสำคัญในการเก็บมันฝรั่ง เพราะความชื้นทำให้มันเน่าเสียไวขึ้น ฉะนั้นควรเก็บในภาชนะเปิด เช่น กล่องโฟมสำหรับใส่วัตถุดิบที่ร้านอาหารมีอยู่แล้ว หรือถุงกระดาษเจาะรู เป็นต้น

หอมหัวใหญ่ กระเทียม และหอมแดง – สังเกตก่อน ว่ามีจุดราอยู่บนผักพวกนี้รึเปล่า ถ้ามีควรแยกส่วนนั้นออกไป ผักพวกนี้ห้ามเก็บไว้ในที่ชื้นเด็ดขาด เราต้องเก็บไว้ในที่ร่ม แห้ง และมีอากาศถ่ายเทเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราในอนาคต เช่น เก็บไว้ในถุงกระดาษที่เจาะรูไว้ หรือเก็บไว้ในตะกร้า เป็นต้น

ผักที่บริโภคส่วนผล

เช่น ฟักทอง – เป็นผักที่ยิ่งแช่ในตู้เย็นก็สิ่งเสียรสชาติ แถมเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดเชื้อรามากขึ้นไปอีก วิธีเก็บฟักทองทำได้ง่ายๆ แค่วางในที่ร่ม แห้ง และอากาศถ่ายเท เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ผักที่บริโภคส่วนใบ

ใบกะเพราหรือใบโหระพา – หลายคนอาจเข้าใจว่าผักใบเขียวต่างๆ ควรเก็บไว้ในตู้เย็นจะดีที่สุด แต่ที่จริงผักใบพวกนี้จะดูดกลิ่นในตู้เย็น ทำให้เสียกลิ่นหอมๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของมัน สิ่งที่ควรทำคือตัดก้านด้านล่างออกประมาณ 1 นิ้วแล้วนำไปใส่ในขวดโหลที่ใส่น้ำเปล่าสูงสัก 2-3 นิ้ว เอาไว้ หรือไม่ก็เด็ดใบของมันออก จากนั้นห่อด้วยกระดาษทิชชู แล้วใส่ในถุงซิปล็อก

หนึ่งจุดที่อยากให้ทุกคนรู้เอาไว้คือ เมื่อซื้อผักมาแล้วเรา “ไม่จำเป็น” ต้องล้างผักก่อนเก็บนะ แต่ควรล้างก่อนนำไปใช้ประกอบอาหารเท่านั้น หรือถ้าอยากล้างผัก เพื่อชะล้างสารตกค้างออกก่อน ก็ต้องมั่นใจว่าเราสะเด็ดน้ำออก และซับจนแห้ง ไม่อย่างงั้นจะทำให้เกิดน้ำขังบนผัก จนทำให้เน่าเสียในที่สุด

เห็นมั้ยว่าการเก็บผักให้ถูกวิธีง่ายนิดเดียว แถมยังใช้อุปกรณ์ที่มีติดครัวให้เกิดประโยชน์อีกด้วย แล้วการที่ร้านอาหารเก็บผักสดให้เหมาะสมกับชนิดผัก ก็ยิ่งทำให้ผักอยู่นานขึ้น ลดขยะจากวัตถุดิบที่ใช้ไม่ทัน ลดต้นทุนการซื้อของสดเพิ่มเติม แถมยังช่วยให้ร้านเตรียมจัดการสต็อกของสดได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีแต่ประโยชน์เน้นๆ

นอกจากนี้ถ้าสั่งผักสดจาก freshket เราการันตีความสดและคุณภาพ คัดสรรมาแล้วอย่างดี พร้อมนำไปทำอาหารจานอร่อยได้ทุกมื้อ พร้อมส่งของตรงถึงหน้าร้านอย่างสะดวกปลอดภัยทุกวัน

เมื่อรู้วิธีเก็บผักให้สด ไม่ใช้ตู้เย็นแล้ว หากอยากรู้เทคนิกเจ๋งๆ เกี่ยวการทำอาหารและการจัดการธุรกิจจาก freshket อีก อ่านต่อได้ที่นี่เลย คลิก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก:
farmersalmanac.com
nytimes.com
english.newsnationtv.com
unlockfood.ca